เที่ยวชมสึวาโนะ “เกียวโตน้อยแห่งซันอิน” และวาฬเบลูกาสุดน่ารัก

เมืองอันเงียบสงบท่ามกลางหุบเขาฝั่งซันอิน ทสึวาโนะมีชื่อเล่นว่า “เกียวโตน้อย”
จากบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ยาวนาน
โดยเฉพาะถนนโทโนะมาจิที่ตั้งอยู่กลางเมือง
เป็นบริเวณที่หลงเหลือร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ไว้มากที่สุด
และเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชื่นชมเสน่ห์กัน

ถนนนี้เป็นศูนย์รวมของโบราณสถานต่างๆ
เช่น โบสถ์คาทอลิก
พิพิธภัณฑ์ฮังโกะโยโรคัง
ซากสำนักงานเขต
และประตูบ้านตระกูลทาโกะ
และยังมีร้านอาหารท้องถิ่นไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว
หรือร้านกาแฟที่นิยมในหมู่คู่รักหนุ่มสาว
ไปจนถึงร้านขายของฝากต่างๆ
จนที่นี่ก็กลายเป็นถนนเส้นหลักของทสึวาโนะเช่นกัน
ทั้งยังผ่านเส้นทางไปศาลเจ้ายาซากะกับศาลเจ้าไทโกะดานิอินาริ
และใกล้กับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เคียวโดคังอีกด้วย

ถนนเส้นนี้จะขนาบข้างด้วยคลอง ซึ่งว่ากันว่าถูกขุดขึ้นเพื่อใช้เป็นคลองชลประทานตอนที่ไดเมียวซากาซากิ
นาโอะโมริ สร้างที่นี่ขึ้นเป็นเมืองปราสาท
มองไปจะเห็นเหล่าปลาคาร์พหลากสีสันว่ายกันอยู่อย่างมีชีวิตชีวา
ทั้งหมดมีจำนวน 300-500 ตัวเลยทีเดียว
โดยเฉพาะในฤดูกาลที่ดอกฮานะโชบุเบ่งบาน
ดอกไม้สีม่วงจะตัดกับผนังสีขาวดูงดงามเป็นพิเศษ

ถ้ามองไปทางภูเขาชิโรยามะจากเมืองทสึวาโนะ
จะเห็นทางเดินที่มีเสาโทริอิสีแดงสดตั้งเรียงราย
เมื่อเดินลอดอุโมงค์เสาโทริอิกว่า 1,000 ต้น
กับความยาว 300 เมตรออกมา
ก็จะพบกับศาลเจ้าไทโกะดานิอินาริ

ในปี ค.ศ. 1773 คาเม โนริซาดะ ผู้ครองแคว้นทสึวาโนะรุ่นที่ 7
มีคำบัญชาให้สร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นเพื่อป้องกันปราสาทจากสิ่งชั่วร้าย
และเพื่อขอพรให้ประชาชนในแคว้นอยู่อย่างสงบสุข
จึงได้อันเชิญเทพเจ้ามาจากศาลเจ้าฟูชิมิอินาริในเกียวโต

ที่นี่นับเป็น 1 ใน 5 ศาลเจ้าอินาริที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
ประกอบด้วยศาลเจ้าทาเคโคมะในโทโฮคุ
ศาลเจ้าคาซามะอินาริในคันโต
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริในคันไซ
และศาลเจ้ายูโตกุอินาริในคิวชู

วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1363 ประตูทางเข้ากลางเป็นแบบที่มีเสากลมใหญ่ 2 ต้นหลังคา 2 ชั้น ติดประตูบานใหญ่ไว้อย่างสวยงามอลังการ
นอกจากนี้สวนที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 15 โดยเซ็ตชู นักบวชที่มีชื่อเสียงในฐานะยอดจิตรกรก็สวยงามน่าชม และให้ความเพลิดเพลินกับนักท่องเที่ยวได้ตลอดสี่ฤดู สวนญี่ปุ่นแห่งนี้มีความเป็นศิลปะแบบโบราณ มีการใช้หน้าผาที่มีอยู่เดิมในการขับเน้นความงาม และมีการสร้างเกาะไว้ในสระน้ำ พื้นที่อันกว้างขวางถูกนำมาจัดสรรอย่างเหมาะเจาะจนอาจกล่าวได้ว่าเป็นสวนที่สวยที่สุดในบรรดาสวนทั้งหมดของเซ็ตชู ในขณะที่สวนของวัดมังปุกุจิสร้างขึ้นตามแบบฉบับสวนในวัด สวนของวัดอิโคจิแห่งนี้มีการนำแบบฉบับสวนในคฤหาสน์นักรบเข้ามาใช้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านของเซ็ตชู นอกจากสวนแล้วที่นี่ยังเก็บรักษาสิ่งก่อสร้างและงานแกะสลักต่างๆ ที่น่าสนใจเอาไว้อีกด้วย

จุดชมวิวที่ถูกจดทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติของประเทศ
เมื่อเดินจากชายหาดโคคุฟุแล้วลอดผ่านถ้ำออกมาก็จะพบกับ “เซนโจจิกิ”
ลานหินขนาดใหญ่ที่กว้างขวางอย่างกับโตเกียวโดม
หินทรงกลมที่ดูคล้ายเก้าอี้จะโผล่ขึ้นมาทั่วบริเวณ
ประกอบกับวิวมหาสมุทรด้านหลัง
กลายเป็นทิวทัศน์แปลกตาเหมือนในโลกแฟนตาซี
เมื่อสังเกตที่พื้นผิวจะเห็นว่ามีรอยแยกแบ่งชัดเจนราวกับปูเสื่อทาทามิ
จึงกลายเป็นที่มาของชื่อทาทามิกะอุระนั่นเอง

ที่นี่เกิดจากการทับถมกันของแผ่นดินเมื่อประมาณ 1,600 ปีก่อน
จนกระทั่งเกิดเหตุแผ่นดินไหวฮามาดะในปีเมจิที่ 5
จึงเกิดเป็นพื้นนูนขึ้นมา
ภายในหินมีฟอสซิลอย่างหอยและกระดูกปลาวาฬซ่อนอยู่มากมาย
นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมได้อย่างใกล้ชิด
ส่วนภายในหินทรงเก้าอี้ก็มีฟอสซิลที่เรียกว่า “โนดูล”
อยู่ด้านใน ถือเป็นหินที่หาดูได้ยาก
เรียกได้ว่าที่นี่เป็นเหมือน “พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาธรรมชาติ”
ที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจมากมายให้ได้ลองสังเกตและเรียนรู้

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคชูโกกุและชิโกกุ
จัดแสดงสัตว์น้ำไว้กว่า 10,000 ตัว 400 สายพันธุ์
วาฬเบลูกาของที่นี่ปรากฎตัวในโฆษณาบริษัทโทรศัพท์มือถือ
และโชว์ความสามารถพิเศษที่มีชื่อว่า “Shiawase No Bubble Ring”
หรือการเป่าฟองอากาศออกมาเป็นวงแหวน
ความน่ารักสดใสนี้จึงโด่งดังไปทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการแสดงจากสิงโตทะเลและแมวน้ำให้ได้ชมกันอีกด้วย

มุมของฝากอยู่ใน “Museum Shop” บนชั้น 2 มีทั้งสินค้าและขนมที่มีดีไซน์เป็นสัตว์น้ำ
ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา หรือพวงกุญแจวาฬเบลูกา
ข้างๆกันยังมีร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม
รวมถึงสวน Iwami Seaside Park ให้ได้ใช้เวลาแสนสนุกกันทั้งวันเต็มๆ

การแสดงตามประเพณีที่ตกทอดอยู่ในพื้นที่อิวามิ เป็นการร่ายรำที่ขึงขังในเครื่องแต่งกายที่ตระการตาประกอบเสียงตีกลองที่ดังกระหึ่มและเสียงขลุ่ยหวานเศร้า ทั้งเสื้อผ้า เวที ดนตรี และการแสดงล้วนแล้วแต่ดีเลิศ แต่คุณค่าสำหรับการแสดงนี้อยู่ตรงที่ทุกคนไม่ใช่นักร่ายรำหรือนักดนตรีอาชีพ แต่เป็นกลุ่มคนในท้องถิ่นที่สืบทอดประเพณีมาพัฒนาต่อ การแสดงนี้เป็นที่ชื่นชมอย่างมากในต่างประเทศ ซึ่งมีการไปจัดแสดงหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกญี่ปุ่น การแสดงจะจัดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่อิวามิ เช่น ศาลเจ้าหรือหอประชุมทุกสุดสัปดาห์ ถ้ามาจังหวัดชิมาเนะ นี่คือการแสดงที่ไม่ควรพลาดชม (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหน้าสกู๊ปพิเศษ)